สวัสดีครับ ' w')/*
ผม illuminist กลับมาหาทุกท่านอีกแล้ว
พักหลังๆนี้มีเด็กใหม่เข้ามาเยอะมากๆแล้วก็มีหลายๆคนที่อยากจะลองทำแมปกัน แต่ก็มีหลายคนในนั้นที่มีปัญหาเรื่อง Timing ก็เลยทำให้แมปนั้นไม่สามารถใช้เล่นได้จริงๆ แถมทำให้การทำแมปนั้นยากด้วย
จะสังเกตเห็นง่ายๆเลยว่าถ้า Timingถูกแล้วจะทำให้เส้น Beat Snap น้อยลงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยที่เหลือในการทำแมปต่อคือการวางโน้ตตามเส้นนั้นเอง
เหตุผลที่เราต้องทำTimingก็คือเมื่อเราได้ไฟล์เพลงมาปกติจะไม่มีข้อมูลมาให้ด้วยว่าBMPเพลงนี้เท่าไหร่และจังหวะเริ่มต้นที่เท่าไหร่ แต่BPMนั้นจะมีแค่บางเพลงที่ให้ข้อมูลมาเลยว่าเพลงนี้BPMเป็นเท่าไหร่ ซึ่งก็ทำให้สะดวกขึ้นในระดับหนึ่ง หรือมิเช่นนั้นก็อาจจะใช้โปรแกรมภายนอกหาBPMให้เลยก็ได้ อาจจะตรงบ้างหรือไม่ตรงบ้างก็แล้วแต่เพลง ตัวโปรแกรมที่แนะนำคือ [google:54085]MixMeister BPM Analyzer[/google:54085] ลองคลิกเข้าไปหาดูกันได้
แต่ถ้าใช้โปรแกรมหาเลยกระทู้นี้ก็คงมีประโยชน์แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นผมจึงมีวิธีหาทั้ง BPM และ Offset แบบไม่ต้องพึ่งโปรแกรมภายนอกมาให้ใช้กัน
||||||||||||||||||||||||
BPM เดี๋ยวจะมาทำต่อนะครับ
||||||||||||||||||||||||
ผม illuminist กลับมาหาทุกท่านอีกแล้ว
พักหลังๆนี้มีเด็กใหม่เข้ามาเยอะมากๆแล้วก็มีหลายๆคนที่อยากจะลองทำแมปกัน แต่ก็มีหลายคนในนั้นที่มีปัญหาเรื่อง Timing ก็เลยทำให้แมปนั้นไม่สามารถใช้เล่นได้จริงๆ แถมทำให้การทำแมปนั้นยากด้วย
Timing คืออะไร?
ไทม์มิ่ง ก็คือการกำหนดเวลาของจังหวะในแมปที่เราจะทำ ก็มีส่วนประกอบหลักๆสองอย่างก็คือ Offset และ BPM- Offset คือจุดเริ่มต้นของจังหวะเพลงที่เราจะทำ โดยหลักๆจะหมายถึงจังหวะแรกสุดของเพลง มีหน่วยเป็น ms(millisecond คือ 1 ใน 1,000 วินาที) ก็คือจุดเวลาที่จังหวะแรกของเพลงนั้นอยู่
- BPM หรือเต็มๆคือ Beat per minute แปลไทยว่าจังหวะต่อนาที เป็นการนับว่าเพลงที่เราเล่นอยู่นั้นในหนึ่งนาทีจะมีกี่จังหวะ
Timing สำคัญฉไน?
ถ้าถามว่าทำไมเราถึงต้องทำ Timing ให้ถูกต้องด้วย ขอตอบเลยว่าเพื่อความสะดวกในการแมปต่อไป เพราะถ้าไม่ได้ทำTimingแล้วใช้การแบ่งจังหวะเป็น 1/8 ในการทำเพลงแล้วก็ค่อยๆวางโน้ตทีละจุดๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและทำให้เกิดความยากลำบากในการทำแมปแบบสุดๆ ลองมาดูกันระหว่างเพลงที่มีTimingถูกและTimingที่ไม่ถูกจะเป็นอย่างไรจะสังเกตเห็นง่ายๆเลยว่าถ้า Timingถูกแล้วจะทำให้เส้น Beat Snap น้อยลงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยที่เหลือในการทำแมปต่อคือการวางโน้ตตามเส้นนั้นเอง
เหตุผลที่เราต้องทำTimingก็คือเมื่อเราได้ไฟล์เพลงมาปกติจะไม่มีข้อมูลมาให้ด้วยว่าBMPเพลงนี้เท่าไหร่และจังหวะเริ่มต้นที่เท่าไหร่ แต่BPMนั้นจะมีแค่บางเพลงที่ให้ข้อมูลมาเลยว่าเพลงนี้BPMเป็นเท่าไหร่ ซึ่งก็ทำให้สะดวกขึ้นในระดับหนึ่ง หรือมิเช่นนั้นก็อาจจะใช้โปรแกรมภายนอกหาBPMให้เลยก็ได้ อาจจะตรงบ้างหรือไม่ตรงบ้างก็แล้วแต่เพลง ตัวโปรแกรมที่แนะนำคือ [google:54085]MixMeister BPM Analyzer[/google:54085] ลองคลิกเข้าไปหาดูกันได้
แต่ถ้าใช้โปรแกรมหาเลยกระทู้นี้ก็คงมีประโยชน์แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นผมจึงมีวิธีหาทั้ง BPM และ Offset แบบไม่ต้องพึ่งโปรแกรมภายนอกมาให้ใช้กัน
How to Offset?
สำหรับขึ้นแรกของผมคือการหา Offset ก่อน เมื่อ Offset ได้ BPM ก็จะตามมาทีหลัง- ขั้นแรก
รูปที่หน้า Timing
ให้เล่นเพลงฟังก่อนในหน้า Editor หมวด Timing แล้วก็จะมีปุ่มที่เขียนว่า Tap Here! สีฟ้าๆใหญ่ๆอยู่ด้านบนขวา
ให้คลิกที่ปุ่มตามจังหวะเพลงที่กำลังเล่นอยู่ โดยให้คลิกครั้งแรกที่จังหวะแรกของเพลงที่กำลังฟังอยู่ ให้คลิกทั้งหมดมากกกว่า 8 ครั้ง แล้ว Editor ก็จะขึ้น Offset และ BPM คร่าวๆขึ้นมา ซึ่งก็อาจจะไม่ตรงเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงมาดูขึ้นต่อต่อไป
รูปประกอบอันนี้ผมใช้เพลง Smile.DK - Butterfly ที่เคยทำไว้มานานแล้วแต่ไม่ได้ submit ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ซึ่ง Offset และ BPM ได้มาจากการกด Tap Here! จึงยังไม่ตรงเท่าไหร่นัก - ขั้นที่สอง
ปรับ Playback Rate ให้เหลือ 25% เพื่อให้เล่นเพลงอย่างช้าก่อน แล้วก็เลื่อนตำแหน่งเพลงไปที่หน้าแทกสีขาวด้านบนเพื่อให้เล่นเพลงก่อนตำแหน่ง Offset ปัจจุบัน
จากนั้นให้ Play เพลงนั้นแบบช้าๆ แล้วก็ฟังดูว่าเสียงติ๊กที่แท็กสีขาวนั้นตรงกับจังหวะของเพลงมั้ย ถ้าไม่ตรงก็ลองกดที่ปุ่มลูกศรที่ Offset เลื่อนขึ้นลงดู แล้วก็ลองเปิดฟังใหม่
Tip คือ ถ้าเสียงติ๊กมาก่อนจังหวะเพลงให้กดลูกศรขวา ถ้าเสียงติ๊กมาช้ากว่าก็ให้กดลูกศรซ้าย ฟังเรื่อยๆจนกว่าจะตรง โดยให้เสียงติ๊กขึ้นพร้อมกับที่จังหวะเพลงขึ้นพอดี
ภาพประกอบหลังตั้ง Offset เสร็จแล้ว
||||||||||||||||||||||||
BPM เดี๋ยวจะมาทำต่อนะครับ
||||||||||||||||||||||||