Timing สำหรับเพลงของคุณ hanyuuhanyuu นะครับ
BPM: 180
Offset: 810
ลบ timing ของเก่าทิ้งทั้งหมด ใส่ timing ข้างบนเป็นอันแรก แล้วค่อยๆปรับตำแหน่งโน้ตกับใส่ timing อันอื่นๆตามมาทีหลังครับ
วิธีการหา timing สำหรับผม ผมจะทำแบบนี้ครับ
1. หา timing คร่าวๆโดยใช้ตัวช่วยตรงมุมบนขวาของจอ ขั้นแรกให้เปิดเพลงไปเลย แล้วให้คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Tap here! ตามจังหวะเพลง 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ สักพักนึงโปรแกรมจะแสดงค่า BPM ขึ้นมา ให้กดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าค่าที่แสดงขึ้นมาจะแกว่งน้อยลง ค่าที่ได้คือ BPM อย่างคร่าวๆครับ
2. หา offset ต้องหาค่านี้ให้ได้ก่อนครับ ไม่งั้นเราจะหา BPM ที่ถูกต้องได้ยากมากเลย ให้ลดความเร็วเพลงลงเหลือ 50% (หรือ 25% สำหรับเพลงที่เร็วมาก) โดยใช้ตัวลดความเร็วตรงมุมล่างขวาของจอ หาเวลาที่จังหวะแรกสุดดังขึ้นมาให้ได้ ใช้ค่านั้นเป็นค่า offset (เช่น ถ้าจังหวะแรกสุดเริ่มที่ 00:03:810 ก็ใช้ 3810 เป็น offset) จากนั้นให้ปรับเป็นความเร็วปกติแล้วลองฟังดูว่าค่า offset ของเราเร็วไปหรือช้าไปรึเปล่า ค่อยๆปรับไปจนกว่าจะตรง (เร็วไปให้เพิ่ม ช้าไปให้ลด)
3. หา BPM ที่ถูกต้อง ให้เราใช้ค่า BPM ที่ได้จากข้อ 1. มาลองดูก่อน เมื่อใส่ค่าแล้ว ให้เปิดเพลงแล้วฟังเสียงเคาะจังหวะติ๊กๆๆๆไปเรื่อยๆว่าตรงกับเพลงมั้ย ถ้าไม่ตรงก็ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงจนกว่าจะตรง (BPM ยิ่งเยอะเพลงยิ่งเร็ว ถ้าเร็วไปให้ลด ช้าไปให้เพิ่ม) พอได้ค่าที่เราคิดว่าใช่แล้ว ให้เปิดฟังเพลงตรงช่วงกลางเพลงและท้ายเพลงอีก ว่าเสียงเคาะจังหวะยังตรงกับเพลงอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ก็ปรับจนกว่าจะตรง ปกติเพลงช้า ค่า BPM จะอยู่ในช่วง 70-100 เพลงทั่วๆไปจะอยู่ในช่วง 110-150 เพลงเร็ว 150-175 เพลงเร็วมากๆ 175-200 มีเพลงน้อยมากๆที่ BPM จะต่ำกว่า 65 หรือสูงกว่า 200 ครับ
แล้วก็ ถ้าสนใจจะแต่ง beatmap จริงล่ะก็ ผมมีคำแนะนำให้ตามนี้ครับ
1. ควรหัดเล่นไปเรื่อยๆ จนเริ่มชำนาญ และสนุกกับเกมได้ซะก่อน ถึงค่อยเริ่มหัดแต่ง beatmap อย่างจริงจัง พอถึงจุดนั้น เราจะเริ่มจับจุดได้แล้วว่า beatmap ที่ดี ที่สนุก ควรเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะเคยเล่นเกมเพลงอย่างอื่นมาก่อนก็ไม่ควรข้ามขั้นตอนนี้ครับ เพราะ beatmap ของ osu! นั้น นอกจากจะต้องวางโน้ตได้ตรงจังหวะ และเข้ากันกับเพลงแล้ว ตำแหน่งและรูปแบบการวางโน้ตบนหน้าจอก็ถือเป็นอีกจุดสำคัญที่จะทำให้ beatmap นั้นสนุกหรือไม่สนุกได้เหมือนกัน ซึ่งเกมเพลงอื่นๆจะไม่ค่อยเน้นจุดนี้เท่าไหร่ ถือเป็นจุดที่ต้องมาเรียนรู้เพิ่มเติมสำหรับหลายๆคนครับ
2. เลือกเพลงที่ตัวเองฟังซ้ำได้เรื่อยๆไม่เบื่อ เป็นเพลงเริ่มหัดแต่งเพลง เพราะคุณอาจจะต้องขลุกอยู่กับเพลงนั้น แก้ไขจุดนั้นจุดนี้เป็นเดือนๆเลยกว่าจะแต่งเพลงแรกสำเร็จ ผ่านการตรวจสอบเป็น Ranked beatmap ได้
3. ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้เลือกเพลง Pop, Dance, เพลงเกม, เพลงอะนิเมะ ที่ไม่ใช่เพลงช้าหรือเพลงเร็วมาก เป็นเพลงหัดแต่ง เพราะเพลงพวกนี้ส่วนใหญ่จังหวะจะคงที่ ไม่แกว่ง เหมาะกับการหัดจับจังหวะเพลง หรือมักจะใช้โปรแกรมช่วยหา BPM ได้ อย่าเลือกเพลง Classic, Jazz, หรือ Rock มาใช้หัด เพราะเพลงพวกนี้จังหวะจะแกว่ง จับจังหวะยากมากและใช้โปรแกรมช่วยไม่ค่อยได้ ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ครับ
4. การแต่งเพลงช่วงแรกๆ ควรค่อยๆทำไปทีละ step ดังนี้: หา timing -> วางโน้ต -> เพิ่ม skin กับ storyboard -> ปรับแก้รายละเอียดขั้นสุดท้าย -> ส่งให้ตรวจ ในการทำแต่ละ step ควรหาคนตรวจเช็คไปทีละอย่าง พอทุกอย่างใน step นั้นลงตัวแล้วถึงค่อยเริ่มทำ step ต่อไป (เช่น ถ้า timing ยังไม่มั่นใจก็ไม่ควรข้ามไปวางโน้ต) การทำแบบนี้จะทำให้เราค่อยๆเรียนรู้และเก็บรายละเอียดในแต่ละจุดได้เป็นขั้นเป็นตอน ไม่สับสน และลดเวลาที่ต้องมาแก้ปัญหาย้อนหลังด้วย (เช่น แก้การวางโน้ตให้ตรงกับ timing ใหม่ เป็นต้น)
ช่วงที่หัดทำแรกๆ จะลำบากสักหน่อย เพราะมีเรื่องให้หัดหลายเรื่อง เวลาส่ง beatmap ให้ตรวจก็อาจจะไม่ค่อยมีคนสนใจ พอมีคนตรวจก็จะมีจุดที่โดนแก้หลายจุด กว่าจะดันเพลงตัวเองสำเร็จขึ้นเป็น Ranked beatmap ได้นี่ก็หืดขึ้นคอ แต่พอมีประสบการณ์มากขึ้น หลายๆเรื่องก็จะง่ายขึ้นเองครับ
BPM: 180
Offset: 810
ลบ timing ของเก่าทิ้งทั้งหมด ใส่ timing ข้างบนเป็นอันแรก แล้วค่อยๆปรับตำแหน่งโน้ตกับใส่ timing อันอื่นๆตามมาทีหลังครับ
วิธีการหา timing สำหรับผม ผมจะทำแบบนี้ครับ
1. หา timing คร่าวๆโดยใช้ตัวช่วยตรงมุมบนขวาของจอ ขั้นแรกให้เปิดเพลงไปเลย แล้วให้คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Tap here! ตามจังหวะเพลง 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ สักพักนึงโปรแกรมจะแสดงค่า BPM ขึ้นมา ให้กดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าค่าที่แสดงขึ้นมาจะแกว่งน้อยลง ค่าที่ได้คือ BPM อย่างคร่าวๆครับ
2. หา offset ต้องหาค่านี้ให้ได้ก่อนครับ ไม่งั้นเราจะหา BPM ที่ถูกต้องได้ยากมากเลย ให้ลดความเร็วเพลงลงเหลือ 50% (หรือ 25% สำหรับเพลงที่เร็วมาก) โดยใช้ตัวลดความเร็วตรงมุมล่างขวาของจอ หาเวลาที่จังหวะแรกสุดดังขึ้นมาให้ได้ ใช้ค่านั้นเป็นค่า offset (เช่น ถ้าจังหวะแรกสุดเริ่มที่ 00:03:810 ก็ใช้ 3810 เป็น offset) จากนั้นให้ปรับเป็นความเร็วปกติแล้วลองฟังดูว่าค่า offset ของเราเร็วไปหรือช้าไปรึเปล่า ค่อยๆปรับไปจนกว่าจะตรง (เร็วไปให้เพิ่ม ช้าไปให้ลด)
3. หา BPM ที่ถูกต้อง ให้เราใช้ค่า BPM ที่ได้จากข้อ 1. มาลองดูก่อน เมื่อใส่ค่าแล้ว ให้เปิดเพลงแล้วฟังเสียงเคาะจังหวะติ๊กๆๆๆไปเรื่อยๆว่าตรงกับเพลงมั้ย ถ้าไม่ตรงก็ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงจนกว่าจะตรง (BPM ยิ่งเยอะเพลงยิ่งเร็ว ถ้าเร็วไปให้ลด ช้าไปให้เพิ่ม) พอได้ค่าที่เราคิดว่าใช่แล้ว ให้เปิดฟังเพลงตรงช่วงกลางเพลงและท้ายเพลงอีก ว่าเสียงเคาะจังหวะยังตรงกับเพลงอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ก็ปรับจนกว่าจะตรง ปกติเพลงช้า ค่า BPM จะอยู่ในช่วง 70-100 เพลงทั่วๆไปจะอยู่ในช่วง 110-150 เพลงเร็ว 150-175 เพลงเร็วมากๆ 175-200 มีเพลงน้อยมากๆที่ BPM จะต่ำกว่า 65 หรือสูงกว่า 200 ครับ
แล้วก็ ถ้าสนใจจะแต่ง beatmap จริงล่ะก็ ผมมีคำแนะนำให้ตามนี้ครับ
1. ควรหัดเล่นไปเรื่อยๆ จนเริ่มชำนาญ และสนุกกับเกมได้ซะก่อน ถึงค่อยเริ่มหัดแต่ง beatmap อย่างจริงจัง พอถึงจุดนั้น เราจะเริ่มจับจุดได้แล้วว่า beatmap ที่ดี ที่สนุก ควรเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะเคยเล่นเกมเพลงอย่างอื่นมาก่อนก็ไม่ควรข้ามขั้นตอนนี้ครับ เพราะ beatmap ของ osu! นั้น นอกจากจะต้องวางโน้ตได้ตรงจังหวะ และเข้ากันกับเพลงแล้ว ตำแหน่งและรูปแบบการวางโน้ตบนหน้าจอก็ถือเป็นอีกจุดสำคัญที่จะทำให้ beatmap นั้นสนุกหรือไม่สนุกได้เหมือนกัน ซึ่งเกมเพลงอื่นๆจะไม่ค่อยเน้นจุดนี้เท่าไหร่ ถือเป็นจุดที่ต้องมาเรียนรู้เพิ่มเติมสำหรับหลายๆคนครับ
2. เลือกเพลงที่ตัวเองฟังซ้ำได้เรื่อยๆไม่เบื่อ เป็นเพลงเริ่มหัดแต่งเพลง เพราะคุณอาจจะต้องขลุกอยู่กับเพลงนั้น แก้ไขจุดนั้นจุดนี้เป็นเดือนๆเลยกว่าจะแต่งเพลงแรกสำเร็จ ผ่านการตรวจสอบเป็น Ranked beatmap ได้
3. ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้เลือกเพลง Pop, Dance, เพลงเกม, เพลงอะนิเมะ ที่ไม่ใช่เพลงช้าหรือเพลงเร็วมาก เป็นเพลงหัดแต่ง เพราะเพลงพวกนี้ส่วนใหญ่จังหวะจะคงที่ ไม่แกว่ง เหมาะกับการหัดจับจังหวะเพลง หรือมักจะใช้โปรแกรมช่วยหา BPM ได้ อย่าเลือกเพลง Classic, Jazz, หรือ Rock มาใช้หัด เพราะเพลงพวกนี้จังหวะจะแกว่ง จับจังหวะยากมากและใช้โปรแกรมช่วยไม่ค่อยได้ ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ครับ
4. การแต่งเพลงช่วงแรกๆ ควรค่อยๆทำไปทีละ step ดังนี้: หา timing -> วางโน้ต -> เพิ่ม skin กับ storyboard -> ปรับแก้รายละเอียดขั้นสุดท้าย -> ส่งให้ตรวจ ในการทำแต่ละ step ควรหาคนตรวจเช็คไปทีละอย่าง พอทุกอย่างใน step นั้นลงตัวแล้วถึงค่อยเริ่มทำ step ต่อไป (เช่น ถ้า timing ยังไม่มั่นใจก็ไม่ควรข้ามไปวางโน้ต) การทำแบบนี้จะทำให้เราค่อยๆเรียนรู้และเก็บรายละเอียดในแต่ละจุดได้เป็นขั้นเป็นตอน ไม่สับสน และลดเวลาที่ต้องมาแก้ปัญหาย้อนหลังด้วย (เช่น แก้การวางโน้ตให้ตรงกับ timing ใหม่ เป็นต้น)
ช่วงที่หัดทำแรกๆ จะลำบากสักหน่อย เพราะมีเรื่องให้หัดหลายเรื่อง เวลาส่ง beatmap ให้ตรวจก็อาจจะไม่ค่อยมีคนสนใจ พอมีคนตรวจก็จะมีจุดที่โดนแก้หลายจุด กว่าจะดันเพลงตัวเองสำเร็จขึ้นเป็น Ranked beatmap ได้นี่ก็หืดขึ้นคอ แต่พอมีประสบการณ์มากขึ้น หลายๆเรื่องก็จะง่ายขึ้นเองครับ